3/04/2553

T ประตูด้านหน้ามหาวิหารและหน้าบัน

ประตูด้านหน้ามหาวิหารและหน้าบัน


ประตูใหญ่สามประตูด้านหน้า-ซ้ายประตูนักบุญแฟร์แมง กลางประตูการตัดสินครั้งสุดท้าย ขวาประตูพระแม่มารี



แสดงรูปสลักเหนือประตูกลาง รูปวัดตัดสินสุดท้ายที่มีพระเยซูกลับมาเป็นประธานล้อมรอบด้วยแนวรูปปั้นใหญ่สองข้างและรูปปั้นเล็กรายรอบโค้งแหลมเหนือรูปสลักใหญ่

ประตูทางเข้ามหาวิหารด้านหน้าเป็นประตูใหญ่สามประตูเว้าลึกเข้าไปในตัวมหาวิหาร เหนือแต่ละประตูตกแต่งมีภาพแกะสลักใหญ่ที่หน้าบัน ล้อมเป็นกรอบสองข้างประตูรายด้วยรูปแกะสลักใหญ่กว่าคนของนักบุญและศาสดายืนบนแท่นที่ภายใต้ฐานที่มีผู้แบกเล็กๆ อยู่ กรอบด้านบนโค้งเป็นรูปสลักเล็กๆ เรียงเป็นแนว

ประตูที่สำคัญที่สุดเป็นรูปสลักเมื่อพระเยซูทรงกลับมาเป็นประธานในการตัดสินครั้งสุดท้าย (Resurrection of the Body และ Last Judgement) กลางรูปจะเป็นพระเยซูทรงนั่งเป็นประธานในการเลือกว่าผู้ใดจะได้เลือกขึ้นสวรรค์และผู้ใดจะถูกส่งลงนรก สองข้างพระองค์จะมีพระแม่มารี และจอห์นอีแวนเจลลิส (John Evangelist) และเทวดาถืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับที่พระเยซูถูกตรึงกางเขน และหมู่เทวดา ในวันการตัดสินครั้งสุดท้าย มนุษย์ทุกคนที่เคยมีชีวิตอยู่ในโลกก็ฟื้นขึ้นมาจากหลุมศพเพื่อจะได้ถูกตัดสิน ผู้ที่ได้เลือกขึ้นสวรรค์ก็จะมีหน้าตาอิ่มเอิบมีนางฟ้าเทวดารอรับอยู่ กลุ่มนี้เรียกว่า “the Elect” อีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกส่งลงนรกจะเรียกว่า “the Damned” กลุ่มหลังนี้ประติมากรแกะภาพสยดสยองต่างของผู้ตกนรกที่ถูกไล่เสียบแทงโดยปีศาจอสุรกายต่างๆ

ประตูที่ด้านขวาเป็นประตูเทิดพระเกียรติพระแม่มารี ตรงกลางเป็นรูปพระแม่มารีห่มผ้ายาวอุ้มพระเยซูในมือซ้าย มือขวายื่นออกไปราวจะต้อนรับผู้มีศรัทธาเข้าสู่วัด ประตูด้านซ้ายเป็นประตูนักบุญแฟแมงซึ่งเป็นนักบุญท้องถิ่น

ทุกปีทางวัดจะจัดให้มีการแสดงแสงเสียงด้านหน้าวัดที่น่าประทับใจโดยการเล่าเรื่องราวความเป็นมาของวัด ที่น่าสนใจที่สุดก็คือการแสดงการส่องแสง (Son et lumière) ที่พยายามแสดงให้เห็นว่าหน้าวัดในยุคกลางที่เคยเป็นสีสรรค์ฉูดฉาดซึ่งปัจจุบันเป็นเพียงสีหินธรรมชาติเรียบๆเป็นอย่างไร

มหาวิหารอาเมียงได้รับเลือกโดยองค์การยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1981

T มหาวิหารโนเทรอดามแห่งอาเมียงส์



มหาวิหารอาเมียง (ภาษาฝรั่งเศส: Cathédrale Notre-Dame d'Amiens; ภาษาอังกฤษ: Amiens Cathedral) มีชื่อเต็มว่า “Cathédrale Notre-Dame d'Amiens” หรือในภาษาอังกฤษว่า “Cathedral of Our Lady of Amiens” เป็นมหาวิหารที่สูงที่สุดในประเทศฝรั่งเศส มีเนื้อที่ภายในกว้างใหญ่ถึง 200,000 ตารางเมตร หลังคาโค้งกอธิคสูง 42.30 เมตรซึ่งเป็นหลังคากอธิคที่สูงที่สุดในฝรั่งเศส ตัวมหาวิหารตั้งอยู่ที่เมืองอาเมียงซึ่งเป็นเมืองสำคัญของพิคาร์ดี (Picardy) ในหุบเขาซอม (Somme) อยู่เหนือจากปารีสประมาณ 100 กิโลเมตร


ประวัติ


ด้านหน้าวัดสร้างรวดเดียวเสร็จ--ระหว่างปี ค. ศ. 1220 ถึงปี ค. ศ. 1236--ลักษณะจึงกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ตอนล่างสุดของด้านหน้าวัดเป็นประตูเว้าลึกใหญ่สามประตู เหนือระดับประตูขึ้นไปชั้นหนึ่งเป็นหินสลักขนาดใหญ่กว่าคนจริงของพระเจ้าแผ่นดิน 22 พระองค์เรียงเป็นแนวตลอดด้านหน้ามหาวิหารภายใต้หน้าต่างกุหลาบ สองข้างด้านหน้าประกบด้วยหอใหญ่สองหอ หอด้านใต้สร้างเสร็จเมื่อปี ค. ศ. 1366 หอทางทิศเหนือสร้างเสร็จ 40 ปีต่อมาเมื่อปี ค. ศ. 1406 และเป็นหอที่สูงกว่า


เอกสารที่เกี่ยวกับประวัติการสร้างมหาวิหารนี้ถูกทำลายไปหมดเมื่อสถานที่เก็บรักษาเอกสารสำคัญของวัดถูกไฟไหม้ไปเมื่อปีค. ศ. 1218 และอีกครั้งเมื่อปีค. ศ. 1258 ครั้งหลังนี้ไฟได้ทำลายตัวมหาวิหารด้วย บาทหลวงเอฟราดเดอฟุยอี (Bishop Evrard de Fouilly) เริ่มสร้างมหาวิหารใหม่แทนมหาวิหารเดิมที่ไหม้ไปเมื่อ ค. ศ. 1220 โดยมีโรแบร์ต เดอ ลูซาส (Robert de Luzarches) เป็นสถาปนิก และลูกชายของโรแบร์ต--เรนอด เดอ คอร์มองท์ (Renaud de Cormont) เป็นสถาปนิกต่อมาจนถึงค. ศ. 1288


จดหมายเหตุคอร์บี (Chronicle of Corbie) บันทึกไว้ว่ามหาวิหารสร้างเสร็จเมื่อ ค. ศ. 1266 แต่ก็ยังมีการปิดงานต่อมา พื้นโถงกลางภายในมหาวิหารตกแต่งเป็นลวดลายต่างๆ หลายชนิดรวมทั้งลายสวัสดิกะ[1] ลายวนเขาวงกต (labyrinth) ซึ่งปูเมื่อปีค. ศ. 1288 นอกจากนั้นก็มีระเบียงรูปปั้นไม่ใหญ่นัก 3 ระเบียง 2 ระเบียงอยู่ด้านเหนือและด้านใต้ของบริเวณร้องเพลงสวด และระเบียงที่ 3 อยู่ทางด้านตะวันเหนือของแขนกางเขน เป็นเรื่องราวของนักบุญต่างๆ รวมทั้งชีวะประวัติของนักบุญจอห์น แบ็พทิสต์ มหาวิหารกล่าวว่าเป็นเจ้าของวัตถุมงคลที่สำคัญคือพระเศียรของนักบุญจอห์น แบ็พทิสต์ ซึ่งวัดได้มาจาก วอลลัน เดอ ซาตอง (Wallon de Sarton) ผู้ไปนำมาจากคอนสแตนติโนเปิล เมื่อกลับมาจากสงครามครูเสดครั้งที่ 4


รูปปั้นด้านหน้าข้างประตูมหาวิหารที่บอกได้ว่าเป็นนักบุญที่มาจากแถวๆ อาเมียงก็ได้แก่ นักบุญวิคทอเรียส, ฟูเซียน, และเจ็นเตียง (St. Victoricus, St. Fuscian, และ St. Gentian) ผู้พลีชีพเพื่อศาสนาไม่นานจากกันในคริสต์ศควรรษที่ 3 กล่าวกันว่าเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 7 บาทหลวงโฮโนราทุส (Bishop Honoratus) ผู้เป็นบาทหลวงองค์ที่ 7 ของมหาวิหารอาเมียงได้ขุดพบวัตถุมงคลของนักบุญทั้งสาม เมื่อพระเจ้าชิเดอแบรต์ที่ 2แห่งปารีส (Childebert II) พยายามยึดวัตถุมงคลก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อไม่สามารถทำได้ก็ทรงอุทิศเงินก้อนใหญ่ให้กลุ่มลัทธิของผู้นิยมนักบุญทั้งสามและทรงส่งช่างทองมาทำเครื่องตกแต่งเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญ


นักบุญอื่นที่เป็นนักบุญท้องถิ่นที่มีรูปปั้นอยู่หน้าประตูคือนักบุญโดมิเทียส (St. Domitius) ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ผู้เคยเป็นนักบวชที่มหาวิหาร นักบุญอุลเฟีย (St. Ulphia) ในคริสต์ศตวรรษที่ 8 ผู้เคยเป็นลูกศิษย์ของนักบุญอุลเฟียและเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มสตรีผู้เคร่งศาสนาในบริเวณอาเมียง นักบุญแฟแมง (St Fermin) ในคริสต์ศตวรรษที่ 3 ผู้ถูกประหารชีวิตที่อาเมียง

เวลาทำการ

Ouverture: Notre Dame : 8h-19h. Fermeture le samedi : 12h30-14h ; Trésor: 9h30-11h45 / 12h30-17h30 ; Samedi : 9h30-11h45 / 14h-17h30
Tarifs: Trésor 15 F - Réd. : Trésor 10 F
Fermature: Trésor : dimanche, Fêtes chrétiennes

มหาวิหาร เปิด เวลา 8.00-19.00 น.
ปิดวันเสาร์ ระหว่าง 12.30-14.00 น.

พระคลังสมบัติ เปิด เวลา 9.30-11.45 และ 12.30-17.30
วันเสาร์ เวลา 9.30-11.45 และ 14.00-17.30 น.
ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดทางศาสนาคริสต์

La cathédrale Notre-Dame d’Amiens

La cathédrale Notre-Dame d’Amiens






La cathédrale Notre-Dame d’Amiens est la plus vaste de France par ses volumes intérieurs (200 000 m3). Avec les cathédrales de Chartres et de Reims, elle est considérée comme l'archétype du style gothique classique, comprenant aussi des éléments des phases suivantes du style gothique, du gothique rayonnant (notamment le chevet) et du gothique flamboyant (notamment la grande rosace de la façade occidentale, la tour nord et les stalles). Sa longueur hors œuvre est de 145 mètres et sa hauteur sous voûte de 42,30 mètres (proche du maximum supportable pour cette architecture).

Monument historique en France depuis 1862, elle est inscrite depuis 1981 au patrimoine mondial de l'UNESCO

Histoire

Histoire


La partie la plus ancienne de l'édifice, la nef, haute de 42,3 mètres, vue depuis le triforium du chœur - Au fond la rosace flamboyante surmontant la tribune des grandes orgues.

La cathédrale actuelle occupe un emplacement où plusieurs sanctuaires se sont succédé ; on en sait peu de choses. Le premier édifice date de la fin du IIIe siècle, à l'époque gallo-romaine, et aux cours des neuf siècles suivants plusieurs cathédrales furent édifiées. Plusieurs fois des incendies les réduisirent en cendres. Tel fut le cas en 850, lors d'une invasion normande, puis en 1019, puis encore en 1107. Après ce sinistre une nouvelle église, romane, fut édifiée en 1152 dont nous ne possédons aucun document permettant de déterminer ce qu'elle était.

Le 17 décembre 1206, un croisé picard nommé Wallon de Sarton, chanoine de Picquigny, qui lors du pillage de Constantinople par les croisés en 1204, avait réussi à subtiliser la sainte relique du crâne de saint Jean-Baptiste, ramena celle-ci à Amiens où il fut reçu par l'évêque Richard de Gerberoy. Très rapidement la relique devint l'objet d'un important pèlerinage. De nombreux princes français et étrangers vinrent l'honorer. Mais la tête du saint attira surtout les gens atteints de surdité, de mutisme, de cécité et avant tous les gens atteints du mal saint-Jean, c'est-à-dire d'épilepsie. Cet afflux rendit fort vite la cathédrale romane trop petite.

En 1218, la foudre tomba sur la flèche de l'ancienne cathédrale, ce qui mit le feu aux charpentes. Le toit s'embrasa avec une rapidité stupéfiante et bientôt, ce fut l'édifice tout entier qui s'écroula dans les flammes. L'évêque Évrard de Fouilloy décida de reconstruire une nouvelle cathédrale, non seulement bien plus vaste et plus belle que la précédente, mais aussi inégalée parmi les autres sanctuaires de la chrétienté. Il fallait également que cette nouvelle cathédrale, par son programme iconographique soit un véritable livre de pierres, qui favoriserait l'enseignement de la religion auprès du peuple chrétien. On parlera plus tard de la Bible d'Amiens.

Et face à ce grand défi, comme architecte, il choisit Robert de Luzarches

La nef

La nef


Première partie de la cathédrale gothique à être construite, la nef de Notre-Dame d'Amiens fut édifiée en très peu de temps. Initiée dès 1220, sa construction était déjà achevée en 1230.

L'élévation de la nef (comme celle du chœur) comporte trois niveaux : grandes arcades, triforium et fenêtres hautes. Les fenêtres hautes se composent de quatre lancettes. Le triforium, aveugle, comporte deux ensembles de trois arcades, pour chaque travée.

Elle est éclairée par la grande rosace de la façade, dite « Rose de la mer » et par les fenêtres hautes.

La nef est composée de sept travées rectangulaires à voûtes quadripartites barlongues (rectangulaires). Elle est bordée de chaque côté (nord et sud) d'un collatéral de même longueur mais possédant des voûtes carrées. Sa hauteur sous voûte est de 42,3 mètres, tandis que celle des bas-côtés atteint 19,7 mètres. Quant à la hauteur des colonnes bordant la nef, chapiteaux inclus, elle est de 13,85 mètres. Autour de chacune des colonnes qui bordent latéralement le vaisseau central de la nef comme le chœur, s'ajoutent quatre colonnettes disposées en cercle, afin de renforcer ces colonnes supportant des voûtes situées à une telle hauteur.

Ce mode de construction est également celui utilisé à Chartres (modèle des cathédrales d'Amiens, Beauvais, et Reims). Dans l'architecture gothique, la croisée d'ogives et la voûte repose totalement sur les colonnes et non plus sur les murs latéraux. À l'opposé de l'art roman, les murs ne sont plus porteurs des voûtes dont le poids retombe désormais sur les colonnes, et les architectes peuvent se permettre de percer les grands murs afin de faire pénétrer la lumière de tous côtés. C'est ce qui a été réalisé et fait ainsi baigner la nef comme le chœur dans la lumière.

Le chœur

Le chœur

Le chœur de Notre-dame d'Amiens, jadis entouré d'une clôture en pierre sculptée et aujourd'hui ceint d'une grille en fer forgé, comprend quatre travées rectangulaires à voûtes quadripartites barlongues et à collatéraux doubles, plus une abside à sept pans. Cette dernière est entourée par un déambulatoire simple dans lequel s'ouvrent sept chapelles rayonnantes.

Tout comme celle de la nef, son élévation est à trois niveaux : grandes arcades, triforium et fenêtres hautes. Dans les travées rectangulaires, on constate la même architecture que dans la nef, avec quelques particularités cependant. Ainsi les deux ensembles de trois arcades du triforium sont surmontés d'arcs en mitre. De plus, contrairement à ce que l'on voit dans la nef, le triforium est ici à claire-voie. Enfin, les fenêtres hautes sont à six lancettes et non plus quatre.

Au niveau de l'abside, ou rond-point, le triforium, toujours à claire-voie, est composé pour chaque pan de deux ensemble d'arcades géminées (toujours couverte d'arcs en mitre). Dans leur prolongement, les fenêtres hautes ont quatre lancettes (groupées par deux).

Le chœur est habituellement la première partie d'une cathédrale à être construite. Mais à Amiens, les architectes débutèrent par le milieu de l'édifice, c'est-à-dire par les sept travées de la nef.

Dans l'axe du chœur, on peut voir dans la fenêtre haute centrale, un vitrail coloré important offert à la cathédrale en 1269. C'est le plus beau et plus important vitrail du sanctuaire. Son thème est celui des Anges annonçant le sacre de saint Louis.

Le chœur est entouré de chapelles rayonnantes où siègent des sculptures superbes datant de différentes époques (du Moyen Âge à Louis XVI…). La cathédrale a en effet été complétée au fil des ans par des décorations diverses.